รังนกปลอมส่วนใหญ่จะผลิตจากสาร "กัม" (gum) ชนิด "คารายากัม" มีลักษณะเหนียวหนืดคล้ายวุ้น เมื่อนำไปต้มจะมีรูปลักษณ์คล้ายรังนกแท้มาก เพียงแต่ไม่มีกลิ่นคาวตามธรรมชาติเหมือนรังนกแท้เท่านั้นเอง สารกัมจะให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ ซึ่งแตกต่างจากรังนกแท้อย่างสิ้นเชิง เพราะใน 100 กรัมของรังนกแท้จะให้โปรตีนสูงถึง 54% คาร์โบไฮเดรต 23.3% น้ำ 16.2% และไขมันอีก 0.3% จึงถือได้ว่าเป็นอาหารชั้นสูงเทียบเท่ากับโสม ปลิงทะเล เขากวางอ่อน หรือหูฉลามเลยทีเดียว
ดังนั้น การจ่ายแพงกว่าเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ดูจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมิใช่หรือ แต่อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า การจะแยกรังนกแท้กับรังนกปลอมด้วยตาเปล่าเป็นเรื่องยากมาก จึงอาจมีผู้จำหน่ายบางรายวางขายรังนกปลอม ดังนั้นควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตหรือจำหน่ายที่เชื่อถือได้ มีหลักแหล่งที่แน่นอนซึ่งหากเป็นผลิตภัณฑ์ที่บรรจุในภาชนะที่ปิดผนึกเรียบร้อย พร้อมจำหน่ายให้ลูกค้าในทันทีนั้น ต้องดูที่ฉลากแสดงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ เป็นภาษาไทย เช่น ชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต และที่สำคัญคือ มีเครื่องหมาย อย. ซึ่งแสดงว่า สินค้านั้นได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาว่า เป็นสินค้าที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน
พฤติกรรมของนกนางแอ่นกินรัง
1. อาศัยในที่ราบลุ่ม จนถึงความสูง 500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
2. บินกินแมลงในอากาศ โดยไม่เกาะเลยทั้งวันจนเข้ารัง
3. สร้างรังในที่มืด โดยสามารถใช้เสียงสะท้อนในการหาตำแหน่งเหมือนค้างคาว
4. พ่อและแม่นกสร้างรังด้วยน้ำลายเป็นสีขาวลักษณะเหมือนถ้วย น้ำหนักรังเฉลี่ย 8 กรัม ใช้เวลาสร้าง 30 -45 วัน
5. หลังสร้างรังเสร็จ จะผสมพันธุ์ในเวลากลางคืน จากนั้น 5 วันจะเริ่มวางไข่ใบแรกและวันที่ 8 จะวางไข่ใบที่2 (ครั้งละ 2 ฟอง)น้ำหนัก1.2 กรัม
6. ไข่จะฟักในเวลา 21-29 วัน 1 สัปดาห์หลังจากการฟัก ขนจะเริ่มขึ้น และอายุ 2 สัปดาห์จะเริ่มเกาะรังพ่อและแม่นกจะหาอาหารมาให้จนลูกนกมีขนขึ้นเต็มเมื่ออายุ 45 วัน (อัตราการรอดของนกที่อาศัยตามถ้าธรรมชาติ 20 % แต่อัตราการรอดของนกที่อาศัยตามบ้านนกหรือคอนโดนกมีถึง 64.4 % ) พร้อมเริ่มผสมพันธ์ เมื่ออายุครบ 8 เดือนผสมพันธุ์ปีละประมาณ 3 ครั้ง มีชีวิตได้ถึง 12-15 ปี 7. ถ้ามีการเก็บรังก่อนที่จะวางไข่ พ่อและแม่นกจะสร้างรังขึ้นใหม่และเลื่อนการวางไข่ออกไปถึง 2 ครั้ง หากมีการเก็บรังอีก แม่นกจะไปวางไข่ในรังของนกนางแอ่นคู่อื่น (ใน 1 ปีจะได้รัง 2-3 รัง / 1 คู่ )
ประวัติความเป็นมาของ "นกนางแอ่นกินรัง"
ย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 1,500 ปี มนุษย์รู้จักการกินรังนกนางแอ่นครั้งแรกในราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907)เชื่อกันว่า "รังนกนางแอ่น"ได้ถูกนำมาจาก "มณฑลหนานหยาง"(ทางตอนใต้ของประเทศจีน)โดยชาวประมงจีนนำมาถวายแด่จักพรรดิ์ จึงถูกเรียกว่าเป็นอาหารของจักพรรดิ์ (food of the Emperor) ตั้งแต่นั้นมา รังนกนางแอ่นจึงนิยมบริโภคแพร่หลายในราชสำนักและบรรดาข้าราชบริวารที่มีรายได้สูง จึงเป็นเหตุให้รังนกนางแอ่นมีราคาสูง จวบจนกระทั้งการล่มสลายของการปกครองระบบจักพรรดิ์
ด้วยมีความเชื่อว่ามีรังที่สร้างมาจากน้ำลายของนกนางแอ่น สรรพคุณเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยมและรักษาโรคได้สารพัด โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ การบริโภครังนกนางแอ่นจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของชาวจีน และเชื่อกันว่าคนจีน คือผู้ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมการกินรังนกให้กับคนชาติอื่น ๆ ที่ตนเองไปสัมพันธ์ด้วย รวมทั้งประเทศไทยซึ่งมีหลักฐานมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
|