|
|
|
|
|
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
4
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
7
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
1,180,492
|
เปิดเว็บ
|
31/05/2554
|
|
|
24 เมษายน 2567
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
|
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
google-site-verification: googled7b2e525c91f29df.html
บทความ
|
|
รูปแบบการจำหน่ายรังนก
[29 มิถุนายน 2554 06:52 น.]จำนวนผู้เข้าชม 15374 คน |
|
คุณภาพของรังนก อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายรังนกตามร้านขายยานั้นจะชั่งน้ำหนักเป็นบาท (1บาทหนัก 15 กรัม)การจำหน่ายเป็นรังนกสำเร็จรูป แยกออกได้เป็น 2 ตลาด คือรังนกสำเร็จรูปที่จำหน่ายผ่านรถเข็นและแผงลอย รวมทั้งที่จำหน่ายผ่านภัตตาคารและร้านอาหารต่างๆ ส่วนใหญ่รังนกสำเร็จรูปที่วางจำหน่ายตามรถเข็นและแผงลอยนั้นเป็นรังนกปลอม โดยมีการอ้างว่าเป็นรังนกเสริมสุขภาพราคาถูก ทั้งที่รังนกแท้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เมื่อคำนวณแล้วตกประมาณถ้วยละ 100 บาทขึ้นไป ส่วนที่ขายตามรถเข็นและแผงลอยนั้นราคาเพียงถ้วยละ 10-15 บาทเท่านั้น จึงน่าจะเป็นการใช้สิ่งอื่นทดแทนรังนก ซึ่งส่วนมากทำมาจากยางไม้คารายากัม(Karaya Gum)ที่มีคุณสมบัติไม่ละลายน้ำ แต่สามารถดูดน้ำทำให้พองตัวเป็นวุ้น หรือนำมาจากผลของ“ต้นพุงทะลาย”(Sterculia Acerifolia)ซึ่งเป็นไม้พุ่มยืนต้น ทั้งสองชนิดเมื่อมาต้มแล้วจะคล้ายรังนกมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีคุณภาพเท่ากับรังนกแท้แต่อย่างใดรังนกสำเร็จรูปบรรจุขวดแก้วเพื่อจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าทั่วไป คาดว่ามูลค่าตลาดรวมของเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูปในปี 2550 ประมาณ 1,300 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวของตลาดร้อยละ 10-15 ซึ่งนับว่าอยู่ในเกณฑ์สูงเมื่อเทียบกับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่ผู้ประกอบการมีการเพิ่มกลยุทธ์ส่งเสริมการขายโดยเน้นให้เป็นสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าผ่านการแนะนำให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณค่าทางโภชนาการของรังนกนางแอ่นเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความถี่ในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค จากเดิมยอดจำหน่ายสินค้าจะสูงเฉพาะในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปลายปีเท่านั้นการส่งออก นำเข้า...ผันผวนตามสภาพอากาศ การส่งออกรังนกนางแอ่นของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความต้องการรังนกในตลาดโลกยังคงเติบโต ซึ่งไทยนั้นเป็นหนึ่งในบรรดาไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการส่งออกรังนกนางแอ่น คู่แข่งสำคัญของไทยคือ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย อย่างไรก็ตามปริมาณและมูลค่าการส่งออกรังนกนางแอ่นของไทยนั้นผันแปรไปตามความแปรปรวนของสภาพอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณการผลิตและคุณภาพของรังนกนางแอ่น และความต้องการรังนกนางแอ่นในประเทศ กล่าวคือ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2550 มูลค่าการส่งออกรังนกนางแอ่นเท่ากับ 24.48 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้วลดลงร้อยละ 49.6 ทั้งนี้เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน แต่เมื่อพิจารณาย้อนไปดูการส่งออกในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมานั้น การส่งออกรังนกนางแอ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ ในปี 2547 มูลค่าการส่งออกรังนกนางแอ่น36.87 ล้านบาท และในปี 2549 เพิ่มขึ้นเป็น 126.50 ล้านบาทตลาดส่งออกรังนกนางแอ่นที่สำคัญคือ ฮ่องกง ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกสูงถึงร้อยละ 78.4 ของมูลค่าการส่งออกในช่วงระยะ 5 เดือนแรกของปี 2550 อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ พม่า ไต้หวัน กัมพูชา และลาว ส่วนตลาดส่งออกที่น่าจับตามอง เนื่องจากทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกเติบโตแบบก้าวกระโดดคือ จีนแม้ว่าประเทศไทยจะสามารถเก็บรังนกนางแอ่นได้ แต่ปริมาณยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ทำให้ต้องมีการนำเข้ารังนกนางแอ่นเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตด้วย ซึ่งจากรังนกนางแอ่นแห้งเมื่อนำไปล้างทำความสะอาด และนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปนั้นผู้ผลิตสามารถเพิ่มมูลค่าของรังนกได้ถึง 4-5 เท่าตัวทีเดียว โดยปัจจุบันตลาดนำเข้ารังนกนางแอ่นหลักของไทย คือ อินโดนีเซีย กล่าวคือ ในช่วงระยะ 5 เดือนแรกของปี 2550 ปริมาณการนำเข้ารังนกนางแอ่นเท่ากับ 8.72 ตัน มูลค่า 402.32 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงระยะเดียวกันของปีก่อนแล้วทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.2 และ 26.7 ตามลำดับ
|
|
|
|